โรงเรียนบ้านหัวสะพานมิตรภาพที่
217 เดิมชื่อโรงเรียนวัดท่าโรงช้าง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2450 โดย พระคลิ้ง เจ้าอาวาสวัดหัวสะพาน (วัดท่าโรงช้าง)
เป็นผู้ริเริ่มและชักชวนให้ชาวบ้านนำบุตรหลานมาเรียนที่วัด
โดยอาศัยศาลาการเปรียญเป็นสถานที่ศึกษาเล่าเรียน และเชิญนายภู่ อักษรเพียร
มาเป็นครูสอนคนแรก
ต่อมาพระคลิ้ง เจ้าอาวาสถึงแก่มรณภาพ
ชาวบ้านจึงนิมนต์พระสมุห์ทอง วรรณบุรี มาเป็นเจ้าอาวาส นายภู่ อักษรเพียร ได้ลาออก
พระสมุห์ทอง วรรณบุรี จึงเป็นทั้งผู้อุปการะและผู้สอน
โรงเรียนได้พัฒนาขึ้นเป็นลำดับเพราะชาวบ้านเห็นความสำคัญของการศึกษา และในราว พ.ศ.
2458 ทางราชการได้ให้เงินเดือนแก่ครูตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
นักเรียนได้เรียนโดยไม่เสียค่าเล่าเรียน
เมื่อรัฐบาลได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา
พ.ศ. 2464 ทางราชการได้ยกฐานะของโรงเรียนเป็นโรงเรียนประเภท ก
แต่ยังคงใช้ศาลาการเปรียญของวัดเป็นสถานที่เรียน และเปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนประชาบาลตำบลเวียงสระ
1 ต่อมา วันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2482 ได้ย้ายสถานที่เรียนโดยสร้างโรงเรียนขึ้นใหม่
ซึ่งอยู่ฝั่งคลองตรงกันข้ามกับวัดหัวสะพานและได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “โรงเรียนบ้านหัวสะพาน” โดย นายวิญญ์ ฉวาง
ธรรมการอำเภอบ้านนาสาร ได้รวบรวมเงินรายได้จากค่าเช่าที่ดิน
ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ท่านมารับราชการและขอสมทบทุนจากระทรวงธรรมการจึงสร้างโรงเรียนได้สำเร็จ
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2505
เกิดพายุใหญ่พัดทำลายโรงเรียนจนได้รับความเสียหาย ไม่สามารถใช้เป็นสถานที่เล่าเรียนต่อไปได้
ทางอำเภอบ้านนาสาร นำโดย นายศรพล
คล้ายอุดม
ศึกษาธิการอำเภอได้ของบประมาณพิเศษเพื่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ 3 ห้องเรียน
โดยได้ย้ายจากที่เดิมมาสร้างในพื้นที่ซึ่งทางราชการได้สงวนไว้สำหรับโรงเรียน
คือที่ตั้งของโรงเรียนในปัจจุบัน
ประกอบกับพื้นที่โรงเรียนเดิมมีน้อยไม่สามารถขยายอาคารเรียน สนาม
และพื้นที่ใช้สอยอื่น ๆ ได้
พ.ศ. 2513 นายสมบูรณ์ ชัยสวัสดิ์
ได้ของบประมาณจากเงินบำรุงท้องที่จำนวน 14,500 บาท
เพื่อรื้อโรงเรียนที่ถูกพายุพัดทำลายมาสร้างใหม่จำนวน 2 ห้องเรียน
แต่ยังขาดเพดานและไม่ได้ลาดพื้น
พ.ศ. 2514 นายสมบูรณ์ ชัยสวัสดิ์
ปลัดอำเภอได้ของบประมาณซ่อมแซมอาคารเรียนหลังแรก ซึ่งสร้างแบบ ป 1 ก พิเศษวาตภัย เป็นแบบกั้นด้วยอิฐ
และเปลี่ยนเสาไม้เป็นเสาปูนทั้งหมด และซ่อมฝ้าเพดาน เป็นเงิน 25,000 บาท
การจัดชั้นเรียน
เมื่อครั้งที่ยังอยู่ในความอุปการะของเจ้าอาวาสวัดหัวสะพาน มีการแบ่งชั้นเรียนเป็น
6 ชั้น คือ ชั้นมูล 1-3 และ ป. 1-3 เป็นอันจบหลักสูตรของโรงเรียน
การสอบไล่นั้นทางราชการตั้งกรรมการมาจากจังหวัด เป็นผู้จัดการสอบและตัดสินผลการสอบ
ตลอดจนการออกใบรับรองวุฒิการศึกษาของผู้ที่สอบไล่ได้ |